เมนู

อาหารมีน้ำและข้าวเป็นต้น อันสัตว์เหล่านั้นกลืนเข้าไปอยู่ ก็ย่อมปรากฏ
ราวกะของที่เขาใส่เข้าไปในกองแห่งโกฏฐาส. ในลำดับนั้น เมื่อพระโยคาวจร
มนสิการเนือง ๆ ว่า ปฏิกูล ปฏิกูล ด้วยการมนสิการโกศล โดยอนุปุพฺพมุญฺจ-
นโต (การปล่อยลำดับ) เป็นต้น อัปปนาก็ย่อมเกิดขึ้นโดยลำดับ. ในการเกิด
ขึ้นแห่งอัปปนานั้น การปรากฏด้วยอำนาจแห่ง สี สัณฐาน ทิศ โอกาส และ
ปริจเฉท เป็นอุคคหนิมิต. การปรากฏแห่งโกฏฐาสด้วยอำนาจแห่งปฏิกูล
โดยอาการทั้งปวง เป็นปฏิภาคนิมิต. เมื่อพระโยคาวจรรับอารมณ์ปฏิภาค-
นิมิตนั้นมามนสิการอยู่ ตรึกอยู่บ่อย ๆ นามขันธ์ 4 ก็จะมีปฏิกูลเป็นอารมณ์
อัปปนาก็จะดำรงอยู่ด้วยอำนาจแห่งปฐมฌาน. ในปุพภาค จิตมีบริกรรมและ
อุปจารเป็นไปกับด้วยวิตก วิจาร มีปีติสหรคตด้วยโสมนัส มีปฏิกูลเป็น
นิมิต แม้อัปปนา ก็มีวิตก วิจาร ปีติสหรคตด้วยโสมนัสเทียว. แต่ว่า
โดยลำดับแห่งภูมิ อัปปนานั้นเป็นมหัคคตะ เป็นรูปาวจร. ก็โสมนัสย่อมเกิด
ขึ้นเพราะความเป็นผู้มีปกติเห็นอานิสงส์ในอารมณ์แม้ปฏิกูลนั้น. อีกอย่างหนึ่ง
โสมนัสนั้น ย่อมเกิดขึ้นด้วยกำลังแห่งอารมณ์เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน. ส่วน
ทุติยฌานเป็นต้นมิได้เกิดขึ้นในอารมณ์ปฏิกูลนั้น. ถามว่า เพราะอะไร. ตอบว่า
เพราะความเป็นอารมณ์อันหยาบ. จริงอยู่ ปฏิกูลนี้ เป็นอารมณ์หยาบ ทุติย-
ฌานเป็นต้นจึงมิได้เกิดขึ้น. ในอธิการนี้ ความเป็นเอกัคคตาแห่งจิต ย่อม
เกิดได้ด้วยกำลังแห่งวิตกเท่านั้น มิได้เกิดขึ้นด้วยการก้าวล่วงวิตกเลย. นี้เป็น
กรรมฐานกถาด้วยอำนาจแห่งสมถะก่อน.

กรรมฐานกถา ว่าด้วยอำนาจสาธารณะ


ก็พึงทราบกรรมฐานดังพรรณนามานี้ ด้วยอำนาจสาธารณะโดยไม่
แปลกกัน. จริงอยู่ พระโยคาวจรผู้ใคร่จะเจริญกรรมฐานนี้ เรียนเอากรรมฐาน